วันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ตำนานไหมไม่รู้แต่นี่ ตำนานถ้ำกระต่ายทอง🐰

            ถ้ำกระต่ายทอง



 จากคำบอกเล่าที่เล่าต่อกันมาว่า มีชายคนหนึ่งมีอาชีพในทางล่าสัตว์ ตั้งนิวาสสถานอยู่บริเวณเมืองพาน ได้ออกป่ามาล่าสัตว์ถึงบริเวณที่ราบลุ่มแถววัดโพธิ์ปัจจุบัน เพราะบริเวณนี้มีน้ำอุดม หญ้าและต้นไม้ขึ้นเขียวชะอุ่มตลอดปี พวกสัตว์ต่าง ๆ ชอบมาอาศัยหากินอยู่บริเวณนี้ บังเอิญได้พบกระต่ายตัวหนึ่งมีขนเป็นสีเหลืองเข้ม เหมือนสีทองสวยงามมากจึงไล่จับ กระต่ายตัวนั้นได้วิ่งหลบหายไปในพุ่มไม้ที่ขึ้นรกแห่งหนึ่ง ค้นหาเท่าไรก็ไม่พบจึงกลับไปบอกพวกญาติพี่น้องให้ทราบ ทุกคนต่างก็อยากได้กระต่ายตัวนั้นเพื่อนำไปเลี้ยงเพราะเป็นของแปลก ไม่เคยเห็นมาก่อน จึงพากันมาดักดูกระต่ายตัวนั้น เมื่อพบแล้วก็พากันไล่จับแต่กระต่ายก็วิ่งหลบเข้าพุ่มไม้หายไปทุกที จึงช่วยกันถาง พุ่มไม้นั้นออกก็พบว่าบริเวณนั้นเป็นเตาถลุงเหล็กเก่า มีโพรงมีบ่อ หลายแห่ง จึงรู้ว่ากระต่ายต้องอยู่ในโพรงนั้นแน่นอน แต่ไม่อาจขุดหาได้จึงได้แต่นั่งเฝ้าปากโพรงไว้รอให้ กระต่ายออกจากโพรงแล้วจะจับ แต่รอเท่าไรกระต่ายก็ไม่โผล่ออกมาให้เห็นอีกเลย จึงกลับไปอพยพครอบ ครัวมาตั้งรกรากอยู่ที่บริเวณนั้นเลย เพราะนอกจากจะมีความหวังในกระต่ายตัวนั้นแล้ว ยังเห็นว่าบริเวณนั้น เป็นที่ลุ่มดีเหมาะสำหรับจะปลูกข้าวเลี้ยงชีพได้ ด้วยมีน้ำไหลออกจากโพรงของเตาถลุงแห่งหนึ่งตลอดเวลา ทั้งสัตว์ป่าก็ชุกชุมสามารถล่ามาเลี้ยงชีพได้ อีกอย่างก็ได้มาตั้งรกรากเป็นการถาวรแล้วจึงได้แผ้วถางที่ทำมาหากินจนเป็นทุ่งโล่งขึ้นเรื่อยๆ และสืบเชื้อสายเผ่าพันธุ์มาจนเป็นชุมชนใหญ่ ส่วนเตาถลุงและบ่อเหล็ก ที่เป็นต้นตำนานของท้องที่นั้น ชาวบ้านเรียกว่า ถ้ำกระต่ายทอง เรื่อยมา

ใครเป็นคนคิดอักษรไทย💡

           พ่อขุนรามคำแหงมหาราช



 พ่อขุนรามคำแหงมหาราช หรือพระนามเต็ม พระบาทกมรเตงอัญศรีรามราช (สวรรคต พ.ศ. 1841) เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 3 ในราชวงศ์พระร่วงแห่งอาณาจักรสุโขทัย ครองราชย์ประมาณ พ.ศ. 1822–1841[1]พระองค์เป็นกษัตริย์พระองค์แรกของไทยที่ได้รับการยกย่องเป็น "มหาราช"[2] ด้วยทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันทรงคุณประโยชน์แก่แผ่นดิน ทรงรวบรวมอาณาจักรไทยจนเป็นปึกแผ่นกว้างขวาง ทั้งยังได้ทรงประดิษฐ์ตัวอักษรไทยขึ้น ทำให้ชาติไทยได้สะสมความรู้ทางศิลปะ วัฒนธรรม และวิชาการต่าง ๆ สืบทอดกันมากกว่าแปดร้อยปี

พ่อขุนรามคำแหงมหาราช
พระบาทกมรเตงอัญศรีรามราช
พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จังหวัดสุโขทัย
พระมหากษัตริย์สุโขทัย[1]
ครองราชย์พ.ศ. 1822 - พ.ศ. 1842 (20 ปี)
ก่อนหน้าพ่อขุนบานเมือง
ถัดไปพระยาเลอไทย
พระราชบุตรพระยาเลอไทย
พญาไสสงคราม
แม่นางเทพสุดาสร้อยดาว
ราชวงศ์พระร่วง
พระราชบิดาพ่อขุนศรีอินทราทิตย์
พระราชมารดานางเสือง
พระราชสมภพไม่ปรากฏ
อาณาจักรสุโขทัย
สวรรคตพ.ศ. 1841[1]
อาณาจักรสุโขทัย
ศาสนาพุทธ

อุทประวัติศาสตร์กำแพงเพชร🛕


     อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร


 1. ที่ตั้ง 

       อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปิง มีพื้นที่ประมาณ 3.4 ตารางกิโลเมตร แบ่งออกเป็น 2 เขต คือ เขตภายในกำแพงเมือง พื้นที่ 503 ไร่ และเขตนอกกำแพงเมืองหรือที่เรียกกันว่าเขตอรัญญิก พื้นที่ 1,611 ไร่ ตั้งอยู่บนเขาลูกรังขนาดย่อม โบราณสถานทั้ง 2 กลุ่ม ตั้งอยู่ในพื้นที่ตั้งของตัวจังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งอยู่ไม่สุภาพงจากกรุงเทพมหานครไป ทางทิศเหนือ ประมาณ 358 กิโลเมตร กรมศิลปากรได้กำหนดเขตที่ดินโบราณสถานอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ประมาณ 2,114 ไร่ 

2. ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ 
       ในบริเวณที่ตั้งจังหวัดกำแพงเพชรปัจจุบันได้ค้นพบหลักฐานเมืองโบราณในลุ่มแม่น้ำปิง คือ เมืองแปบ เมืองเทพนคร เมือง ไตรตรึงษ์ เมืองพาน เมืองนครชุม และเมืองชากังราว เพราะความอุดมสมบูรณ์ของลุ่มน้ำปิง ทำให้เกิดการตั้งบ้านเมืองทำมาหากิน ซึ่งแต่ละเมืองอยู่กันมากนัก เมืองที่ตั้งในยุคแรก ๆ น่าจะเป็นเมืองแปบที่มีตำนานเล่าว่าเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ฝั่งนครชุม บริเวณ ตรงกันข้ามกับเมืองกำแพงเพชรในปัจจุบัน 
       จากหลักฐานจารึกหลักที่ 3 (ศิลาจารึกนครชุม) พ.ศ. 1900 กล่าวถึงเหตุการณ์ที่ พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) เสด็จไป พระบรมธาตุ เมืองนครชุมว่า “หากเอาพระศรีรัตนมหาธาตุอันนี้มาสถาปนาในเมืองนครชุม” เมืองนครชุมน่าจะเป็นเมืองใหญ่และมี ความสำคัญในสมัยสุโขทัย แต่มาหมดอำนาจและเป็นเมืองเล็กๆ ในสมัยอยุธยา ส่วนเมืองชากังราวยังคงมีอำนาจอยู่ในฝั่งตะวันออก และเรียกชื่อเมืองว่า กำแพงเพชรในสมัยอยุธยา เพราะหลังจากพระมหาธรรมราชาลิไทสวรรคต (พ.ศ. 1913 – 1914) เมืองต่าง ๆ ในแคว้นสุโขทัยแตกแยก บางเมืองหันมาเป็นพันธมิตรกับอยุธยา ชื่อเมืองกำแพงเพชรปรากฏ ในศิลาจารึกหลักที่ 38 หรือจารึก กฎหมายลักษณะโจรกล่าวพระนามจักรพรรดิราชได้ขึ้นเสวยราชสมบัติที่เมืองกำแพงเพชร เมื่อ พ.ศ. 1940 เชื่อกันว่ากษัตริย์อยุธยา ต้องการให้ศูนย์กลางของอำนาจจากเมืองนครชุมเดิม ย้ายมาอยู่ที่เมืองชากังราวหรือกำแพงเพชรนั่นเอง และภายหลังการ เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 พ.ศ. 2530 เมืองกำแพงเพชร ได้ลดบทบาทลงและคงจะร้างไปในที่สุด 
       กลุ่มโบราณสถานเขตอรัญญิกของอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร มีโบราณสถานรวมกลุ่มกันหนาแน่นในบริเวณที่ต่อเนื่อง เป็นผืนเดียวกัน ฃนอกจากนี้สภาพภูมิประเทศโดยรอบโบราณสถานยังเป็นป่าธรรมชาติที่มีการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี เพื่อคงไว้ซึ่ง บรรยากาศของโบราณสถานในเขตอรัญญิกหรืออรัญวาสีเช่นวันเวลาในอดีต 
       อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี พ.ศ.2534 ร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์ สุโขทัย ศรีสัชนาลัย เนื่องจากหลักฐานที่ปรากฏแสดงให้เห็นถึงความงดงามอลังการของศิลปกรรมไทยในยุคแรกๆ ผลงานทาง ศิลปกรรมที่เป็นเลิศนี้ปรากฏอยู่เป็นจำนวนมากในอุทยานประวัติศาสตร์ทั้ง 3 แห่ง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดอุทยานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ.2534 

3. โบราณสถานที่สำคัญ 
       เมืองกำแพงเพชรลักษณะผังเมืองเป็นรูปคล้ายสี่เหลี่ยมคางหมู วางแนวยาวขนานไปกับ ลำน้ำปิง ตามทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ถึงทิศตะวันออกเฉียงใต้ 
       กำแพงเมืองกำแพงเพชรเดิม คงมีลักษณะเป็นคันดินและคูเมือง 3 ชั้น ต่อมาได้พัฒนากำแพงเมืองขึ้นไปเป็นกำแพงศิลาแลง มีการสร้างเชิงเทิน ใบเสมา และป้อมประตูรอบ ส่วนที่เป็นกำแพงด้านในยังคงปรากฎร่องรอยให้เห็นอยู่ข้างบริเวณด้านทิศเหนือ เชื่อกันว่ากำแพงศิลาแลงนี้คงมาดำเนินการก่อสร้างในช่วงรัชสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ. 1911 – 2031)
       3.1 โบราณสถานภายในกำแพงเมือง สำรวจพบแล้วมีทั้งสิ้น 20 แห่ง ที่สำคัญ คือ วัดพระแก้ว วัดพระธาตุ วัดโบราณ หรือ สระมน ศาลพระอิศวร วัดกลางนคร เป็นต้น 
       3.2 โบราณสถานนอกกำแพงเมือง โดยทั่วไปเรียกกันว่า “เขตอรัญญิก” ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองด้านทิศเหนือ มีพื้นที่ประมาณ 1,611 ไร่ ตั้งอยู่บนเขาลูกรังขนาดย่อม สำรวจพบโบราณสถานแล้ว 37 แห่ง ที่สำคัญคือ วัดพระนอน วัดพระสี่อิริยาบถ วัดช้างรอบ วัดอาวาสใหญ่ วัดฆ้องชัย วัดอาวาสน้อย วัดเชิงหวาย วัดดงหวาย วัดช้าง และวัดกะโลทัย เป็นต้น 
       ส่วนโบราณสถานที่ตั้งอยู่ฟากตะวันตกของแม่น้ำปิง ทั้งภายในและภายนอกเมืองนครชุม ก็ยังมีกลุ่มโบราณสถานที่สำคัญตั้งอยู่ ภายใน เมืองนครชุมมีวัดพระบรมธาตุและวัดซุ้มกอ เป็นต้นส่วนที่อยู่นอกเมืองนครชุม ได้แก่ ป้อมทุ่งเศรษฐี วัดหนองพิกุล วัดหม่องกาเล และ วัดเจดีย์กลางทุ่ง เป็นต้น 
       อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลดกทางวัฒนธรรม ในปี พ.ศ.2534 ร่วมกับ อุทยาน ประวัติศาสตร์สุโขทัย - ศรีสัชนาลัย เนื่องจากหลักฐานที่ปรากฎแสดงให้เห็นถึงผลงานอันล้ำเลิศทางสถาปัตยกรรมไทยยุคแรก ความงดงามอลังการของศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมแห่งอาณาจักรสุโขทัย หลักฐานที่เป็นผลงานอันเป็นเลิศนี้ปรากฎอยู่มากมาย ในอุทยานประวัติศาสตร์ทั้ง 3 แห่ง ดังกล่าว 

4. การบริการและเเหล่งท่องเที่ยว 
       โดยรถยนต์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 32 ผ่านจังหวัด อยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี นครสวรรค์ เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1 ถึงจังหวัด กำแพงเพชร ระยะทาง 358 กิโลเมตร 
       โดยรถโดยสารประจำทาง จากสถานีขนส่งสายเหนือ สายกรุงเทพฯ กำแพงเพชร บริการทุกวัน 
       การเที่ยวชม     เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 น. 

นก+ผึ้ง=นึ้ก🦉🐝

               นกฮัมมิ่งเบิร์ดผึ้ง



 

เล็กที่สุดในโลก นกฮัมมิ่งเบิร์ดผึ้ง (Bee Hummingbird )

นกตัว เล็กที่สุดในโลก
เล็กที่สุดในโลก นกฮัมมิ่งเบิร์ดผึ้ง (Bee Hummingbird )

Bee Hummingbird นกฮัมมิ่งเบิร์ดผึ้งตัวผู้คือนกที่ตัว เล็กที่สุดในโลก ด้วยขนาดตัวไม่โตไปเกินกว่าผึ้ง เท่านั้น

รายละเอียดเกี่ยวกับ นกฮัมมิ่งเบิร์ดผึ้ง

  • นกฮัมมิ่งเบิร์ดผึ้ง เป็นนกประจำถิ่นที่พบได้เพียงที่ ประเทศคิวบา บนเกาะ Isla de la Juventud เท่านั้น
  • น้ำหนักตัวเพียง 1.8 กรัม
  • มีความยาวเพียง 5 เซ็นติเมตร
  • เป็นนกที่มีความสามารถในการบินขึ้นลงในแนวดิ่ง เดินหน้าถอยหลัง และบินนิ่งในอากาศได้
  • สามารถกระพรือปีกได้เร็วกว่า 80 ครั้ง/วินาที ซึ่งต้องใช้พลังงานมากมายในกาลนี้
  • ลักษณะเด่นของนกฮัมมิ่งเบิร์ดผึ้ง ตัวผู้คือ ขนสีเขียว ส่วนบริเวณหัว และคอเป็นสีแดงสด
  • พวกมันกิน น้ำหวาน จากดอกไม้เป็นอาหารหลัก โดยใช้ลิ้นยาวๆ ของมันเลียกิน และมันต้องกินน้ำหวานจากดอกไม้กว่า 1,500 ดอก/วัน เพื่อใช้เป็นพลังงานในการกระพรือปีกถี่ยิบ
  • นกฮัมมิ่งเบิร์ดผึ้ง ตัวเมียจะสร้างรังนก ขนาดเล็กด้วยเส้นใยจากพืช ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 1 นิ้วสำหรับวางไข่
นก ตัว เล็กที่สุดในโลก
สองรูปนี้เป็นอะไรที่อธิบายถึง ความเล็กจิ๋วของนกน้อยตัวนี้ได้อย่างดี เมื่อเทียบกับดินสอ และดอกเข็ม

ครู ครู่ ครู้ ครู๊ ครู๋🤍💐

                           ครู👩‍🏫

ครู คือ ผู้ที่มีความสามารถให้คำแนะนำ เพื่อให้เกิดประโยชน์ทางการเรียน สำหรับนักเรียน หรือ นักศึกษาในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ทั้งของรัฐและเอกชน มีหน้าที่ หรือมีอาชีพในการสอนกับวิชาความรู้ หลักการคิดการอ่าน รวมถึงการปฏิบัติและแนวทางในการทำงาน โดยวิธีในการสอนจะแตกต่างกันออกไปโดยคำนึงถึงพื้นฐานความรู้ ความสามารถ และเป้าหมายของนักเรียนแต่ละคน และนอกจากการสอนแล้วครูยังเป็นผู้ยกระดับวิญญาณมนุษย์ ให้รู้จักผิดชอบชั่วดี สอนในคุณงามความดีเพื่อเป็นแม่แบบให้เด็กได้ปฏิบัติตามทั้งต่อหน้าและลับหลัง

ครู
ภาพถ่ายนิสิตฝึกสอน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ในอดีต
รายละเอียด
ชื่อครู อาจารย์
ประเภทอาชีพ
อาชีพเฉพาะทาง
กลุ่มงานการศึกษา
ความสามารถจิตวิทยาการศึกษา ปรัชญาการสอน ความรู้ในสาขาวิชาที่สอน
การศึกษาครุศาสตรบัณฑิตศึกษาศาสตรบัณฑิตการศึกษาบัณฑิต
สถานที่ปฏิบัติงาน
สถาบันการศึกษา
อาชีพที่เกี่ยวข้อง
อาจารย์มหาวิทยาลัยนักวิชาการติวเตอร์
รูปปั้นเจษฎาจารย์ฟ. ฮีแลร์ ครูสอนภาษาชาวฝรั่งเศสที่ริเริ่มการสอนภาษาไทยและแต่งตำราเรียนภาษาไทยในยุคแรก ๆ

คำว่า "ครู" มาจากศัพท์ภาษาสันสกฤต "คุรุ" และภาษาบาลี "ครุ, คุรุ

ภาษาไทยภาษาใจ๊🥰🤍

                       ภาษาไทย

ภาษาไทย เป็นภาษาทางการของประเทศไทย และภาษาแม่ของชาวไทย และชนเชื้อสายอื่นในประเทศไทย ภาษาไทยเป็นภาษาในกลุ่มภาษาไต ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยของตระกูลภาษาไท-กะได สันนิษฐานว่า ภาษาในตระกูลนี้มีถิ่นกำเนิดจากทางตอนใต้ของประเทศจีน และนักภาษาศาสตร์บางท่านเสนอว่า ภาษาไทยน่าจะมีความเชื่อมโยงกับตระกูลภาษาออสโตร-เอเชียติก ตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน ตระกูลภาษาจีน-ทิเบต

ภาษาไทยเป็นภาษาที่มีระดับเสียงของคำแน่นอนหรือวรรณยุกต์เช่นเดียวกับภาษาจีน และออกเสียงแยกคำต่อคำ เป็นที่ลำบากของชาวต่างชาติเนื่องจาก การออกเสียงวรรณยุกต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคำ และการสะกดคำที่ซับซ้อน นอกจากภาษากลางแล้ว ในประเทศไทยมีการใช้ ภาษาไทยถิ่นอื่นด้วย

เนื้อหา

  [ซ่อน
  • 1 ชื่อภาษาและที่มา
  • 2 ระบบเสียง
    • 2.1 พยัญชนะ
      • 2.1.1 พยัญชนะต้น
      • 2.1.2 พยัญชนะสะกด
      • 2.1.3 กลุ่มพยัญชนะ
    • 2.2 สระ
    • 2.3 วรรณยุกต์
  • 3 ไวยากรณ์
  • 4 การยืมคำจากภาษาอื่น
    • 4.1 คำที่ยืมมาจากภาษาบาลี-สันสกฤต
  • 5 ดูเพิ่ม
  • 6 อ้างอิง
  • 7 แหล่งข้อมูลอื่น

ชื่อภาษาและที่มา

คำว่า ไทย หมายความว่า อิสรภาพ เสรีภาพ หรืออีกความหมายหนึ่งคือ ใหญ่ ยิ่งใหญ่ เพราะการจะเป็นอิสระได้จะต้องมีกำลังที่มากกว่า แข็งแกร่งกว่า เพื่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึก แม้คำนี้จะมีรูปเหมือนคำยืมจากภาษาบาลีสันสกฤต แต่แท้ที่จริงแล้ว คำนี้เป็นคำไทยแท้ที่เกิดจากกระบวนการสร้างคำที่เรียกว่า 'การลากคำเข้าวัด' ซึ่งเป็นการลากความวิธีหนึ่ง ตามหลักคติชนวิทยา คนไทยเป็นชนชาติที่นับถือกันว่า ภาษาบาลีซึ่งเป็นภาษาที่บันทึกพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นภาษาอันศักดิ์สิทธิ์และเป็นมงคล เมื่อคนไทยต้องการตั้งชื่อประเทศว่า ไท ซึ่งเป็นคำไทยแท้ จึงเติมตัว  เข้าไปข้างท้าย เพื่อให้มีลักษณะคล้ายคำในภาษาบาลีสันสกฤตเพื่อความเป็นมงคลตามความเชื่อของตน ภาษาไทยจึงหมายถึงภาษาของชนชาติไทยผู้เป็นไทนั่นเอง

ระบบเสียง

ระบบเสียงในภาษาไทยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ

  1. เสียงพยัญชนะ
  2. เสียงสระ
  3. เสียงวรรณยุกต์
 

พยัญชนะ

พยัญชนะต้น

ภาษาไทยแบ่งแยกรูปแบบเสียงพยัญชนะก้องและพ่นลม ในส่วนของเสียงกักและเสียงผสมเสียดแทรก เป็นสามประเภทดังนี้

  • เสียงไม่ก้อง ไม่พ่นลม
  • เสียงไม่ก้อง พ่นลม
  • เสียงก้อง ไม่พ่นลม

หากเทียบกับภาษาอังกฤษ โดยทั่วไปมีเสียงแบบที่สองกับสามเท่านั้น เสียงแบบที่หนึ่งพบได้เฉพาะเมื่ออยู่หลัง s ซึ่งเป็นเสียงแปรของเสียงที่สอง

เสียงพยัญชนะต้นโดยรวมแบ่งเป็น 21 เสียง ตารางด้านล่างนี้บรรทัดบนคือสัทอักษรสากล บรรทัดล่างคืออักษรไทยในตำแหน่งพยัญชนะต้น (อักษรหลายตัวที่ปรากฏในช่องให้เสียงเดียวกัน)

 ริมฝีปาก
ทั้งสอง
ริมฝีปากล่าง
-ฟันบน
ปุ่มเหงือกหลังปุ่มเหงือกเพดานแข็งเพดานอ่อนเส้นเสียง
เสียงนาสิก 

 
ณ,น
   
 
เสียงกัก

ผ,พ,ภ

 
ฏ,ต

ฐ,ฑ,ฒ,ถ,ท,ธ

ฎ,ด
  

ข,ฃ,ค,ฅ,ฆ*
 
อ**
เสียงเสียดแทรก 
ฝ,ฟ

ซ,ศ,ษ,ส
    
ห,ฮ
เสียงผสมเสียดแทรก   

ฉ,ช,ฌ
   
เสียงรัวลิ้น   
    
เสียงเปิด    
ญ,ย
 
 
เสียงข้างลิ้น   
ล,ฬ
    
* ฃ และ ฅ เลิกใช้แล้ว ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าภาษาไทยสมัยใหม่มีพยัญชนะเพียง 42 ตัวอักษร
** อ ที่เป็นพยัญชนะต้นหมายถึงเสียงเงียบ และดังนั้นมันจึงถูกพิจารณาว่าเป็นเสียงกัก เส้นเสียง

พยัญชนะสะกด

ถึงแม้ว่าพยัญชนะไทยมี 44 รูป 21 เสียงในกรณีของพยัญชนะต้น แต่ในกรณีพยัญชนะสะกดแตกต่างออกไป สำหรับเสียงสะกดมีเพียง 8 เสียง และรวมทั้งไม่มีเสียงด้วย เรียกว่า มาตรา เสียงพยัญชนะก้องเมื่ออยู่ในตำแหน่งตัวสะกด ความก้องจะหายไป

ในบรรดาพยัญชนะไทย นอกจาก ฃ และ ฅ ที่เลิกใช้แล้ว ยังมีพยัญชนะอีก 6 ตัวที่ใช้เป็นตัวสะกดไม่ได้คือ ฉ ผ ฝ ห อ ฮ ดังนั้นมันจึงเหลือเพียง 36 ตัวตามตาราง

 ริมฝีปาก
ทั้งสอง
ริมฝีปากล่าง
-ฟันบน
ปุ่มเหงือกหลังปุ่มเหงือกเพดานแข็งเพดานอ่อนเส้นเสียง
เสียงนาสิก 
  
ญ,ณ,น,ร,ล,ฬ
   
 
เสียงกัก
บ,ป,พ,ฟ,ภ
  
จ,ช,ซ,ฌ,ฎ,ฏ,ฐ,ฑ,ฒ,
ด,ต,ถ,ท,ธ,ศ,ษ,ส
   
ก,ข,ค,ฆ
 
*
เสียงเสียดแทรก       
เสียงผสมเสียดแทรก       
เสียงรัวลิ้น       
เสียงเปิด    [j]
 [w]
 
เสียงข้างลิ้น       
* เสียงกัก เส้นเสียง จะปรากฏเฉพาะหลังสระเสียงสั้นเมื่อไม่มีพยัญชนะสะกด

กลุ่มพยัญชนะ

แต่ละพยางค์ในคำหนึ่ง ๆ ของภาษาไทยแยกออกจากกันอย่างชัดเจน (ไม่เหมือนภาษาอังกฤษที่พยัญชนะสะกดอาจกลายเป็นพยัญชนะต้นในพยางค์ถัดไป หรือในทางกลับกัน) ดังนั้นพยัญชนะหลายตัวของพยางค์ที่อยู่ติดกันจะไม่รวมกันเป็นกลุ่มพยัญชนะเลย

ภาษาไทยมีกลุ่มพยัญชนะเพียงไม่กี่กลุ่ม ประมวลคำศัพท์ภาษาไทยดั้งเดิมระบุว่ามีกลุ่มพยัญชนะ (ที่ออกเสียงรวมกันโดยไม่มีสระอะ) เพียง 11 แบบเท่านั้น เรียกว่า พยัญชนะควบกล้ำ หรือ อักษรควบกล้ำ

ภูเขาภูใจ เอเวอเรสต์⛰🏔

                  ภูเขาเอเวอเรสต์




 เอเวอเรสต์ (อังกฤษ: Everest; เนปาล: सगरमाथा, สครมาถา; ทิเบต: ཇོ་མོ་གླང་མ; จีน: 珠穆朗玛 จูมู่หลั่งหม่า) เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในโลกที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่ในหุบเขาย่อยมหาลังกูร์หิมัลในเทือกเขาหิมาลัย จุดสูงสุดของเขาเอเวอเรสต์อยู่บนพรมแดนจีน-เนปาล[5] ปัจจุบันเอเวอเรสต์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญหนึ่งของเนปาลและทิเบต มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาปีนเขาจำนวนมาก และ ข้อมูลเมื่อ 2019 มีมากกว่า 300 คนเสียชีวิตบนเขาเอเวอเรสต์[6] และร่างผู้เสียชีวิตจำนวนมากถูกทิ้งไว้บนเขา[7]

เขาเอเวอเรสต์
  • सगरमाथा (สครมาถา)
  • ཇོ་མོ་གླང་མ (Chomolungma)
  • 珠穆朗玛峰 (จูมู่หลั่งหม่าเฟง)
เอเวอเรสต์มองจากกาลาปัตถาร์ ประเทศเนปาล
จุดสูงสุด
ความสูง
เหนือระดับน้ำทะเล
 8,848.86 m (29,031.7 ft)[1]
อันดับ 1
ความสูง
ส่วนยื่นจากฐาน
 8,848.86 m (29,031.7 ft) 
อันดับ 1
(อ่านเพิ่ม)
ระยะถึงภูเขา
ถัดไปที่สูงกว่า
ไม่ปรากฏ
รายชื่อยอดเขาทั้งเจ็ด
Eight-thousander
จุดสูงสุดของประเทศ
สูงพิเศษ
พิกัด27°59′17″N 86°55′31″E / 27.98806°N 86.92528°E[2]

วอลเลย์บอลวอลเลย์ใจ🏐

                      วอลเลย์บอล วอลเลย์บอล  ( อังกฤษ :  Volleyball ) เป็น กีฬา ที่แข่งขันกันระหว่าง 2 ทีม ทีมละ 6 คน รวมตัวรับอิสระ 1 คน โด...